วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

22-12-54

แนวโน้ม: ดัชนีในระยะหลังมานี้จะอ่อนไหวกับปัจจัยบวกอย่างรวดเร็ว อย่างที่ดัชนีดีดตัวขึ้นทันทีจนเกือบถึง 1050 จุด เพียงแค่มีข่าวบวกจากฝั่งยุโรปเข้ามาเท่านั้น แต่ Volume ก็ยังคงน้อยเหมือนเดิม ทำให้การปรับตัวขึ้นของดัชนีขาดความสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามเมื่อดัชนียืนเหนือ 1040 จุดได้แล้ว การไต่ตัวขึ้นต่อย่อมมีความเป็นไปได้สูง และดัชนีน่าจะผ่าน 1050 จุดขึ้นไป เพราะทิศทางของ Bollinger Bands ขยับไปด้านบน โดยเส้น BB Top อยู่ที่ 1066 จุด ขณะที่ MACD ยังเป็นบวก ทำให้โดยรวมแล้วดัชนีถูกคาดหวังว่าจะสามารถเคลื่อนตัวในทิศทางขาขึ้นได้ มีเป้าหมายใหม่ที่ 1070 จุด อีกทั้งเงินจาก LTF และ RMF จะช่วยผลักดันดัชนีขึ้นไป แต่อย่างไรก็ตาม ถ้า volume ของตลาดไม่หนาแน่น การปรับตัวขึ้นก็จะขาดความมั่นคง ดัชนีจะสามารถเหวี่ยงตัวกลับลงมาใหม่ได้ จึงต้องรับมือกับความผันผวนให้ดี ดังนั้นหากดัชนีผ่าน 1050 จุดได้ นักลงทุนสามารถถือหุ้นต่อ เพื่อขายทำกำไรที่ 1070 จุด แต่ถ้าไม่ ก็ขายบางส่วนที่ 1050 จุดไปก่อน



แนะนำ: ซื้อเก็งกำไร

แนวรับ: 1030 / 1012 จุด

แนวต้าน: 1050 / 1070 จุด

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

19-12-54

แนวโน้ม: การฟื้นตัวของดัชนีในช่วงสองวันหลังนั้น ได้ช่วยทำให้ดัชนีปิดบวกขึ้นมาเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้า หุ้น ADVANC กับ DTAC มีการขยับตัวขึ้นที่โดดเด่นกว่าตลาด ขณะที่หุ้นพลังงานและแบงก์เคลื่อนไหวในกรอบจำกัด และแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการผลักดันดัชนีขึ้นมาได้ด้วย อย่างน้อยก็พาดัชนีมาทดสอบแนวต้าน 1036 จุด แต่ยังผ่านไม่ได้ แต่สุดท้ายเราเชื่อว่าดัชนีจะผ่านขึ้นไปสำเร็จ เมื่อบรรดาหุ้น Big Cap. ในเวลานี้ยังสามารถปรับตัวขึ้นไปได้อีกไกล สมทบด้วยสภาพคล่องในตลาดที่มีมาก โดยเฉพาะกองทุน LTF และ RMF ดังนั้นแล้วทิศทางหลักของดัชนีจะกลับไปทดสอบแนวต้านสำคัญ 1050 จุดอีกครั้ง การผ่านแนวต้านนี้ได้ จะทำให้เกิดสัญญาณขาขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของ Bollinger Bands ที่ชันตัวขึ้น โดยหุ้นแบงก์อาจกลับมานำตลาด และหุ้นกลางถึงเล็กคาดว่าจะคึกคักมากขึ้น ถึงกระนั้นนักลงทุนก็ต้องรับมือกับความผันผวนให้ดี เมื่อปัจจัยภายนอกจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะมีส่วนกำหนดทิศทางดัชนี



แนะนำ: ซื้อเก็งกำไร

แนวรับ: 1014 / 1000 จุด

แนวต้าน: 1036 / 1050 จุด

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

13-12-54

แนวโน้ม: ดัชนีพักตัวลงในกรอบจำกัดเป็นวันที่สอง
ติดต่อกัน หลังจากไม่มีความคืบหน้าใดๆ เกี่ยวกับ
แผนการแก้ไขปัญหาวิกฤติยุโรป โดยตลาดหันมาสนใจ
กับหุ้นขนาดกลางถึงเล็กมากขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วดัชนี
สามารถปิดตัวเพิ่มขึ้น 0.45% จากสัปดาห์ก่อนหน้า จึง
ถือว่าตลาดพักตัวลงธรรมดาเท่านั้น และน่าจะเป็นการ
เกื้อหนุนต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีในครั้งต่อไปได้
เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ดัชนีอยู่ห่างจาก Overbought
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์นี้ทิศทางการเคลื่อนไหวของ
ตลาดหุ้นต่างประเทศจะมีอิทธิต่อการตัดสินใจนักลงทุน
มากขึ้น ขณะที่การซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติจะมี
ส่วนกำหนดทิศทางดัชนีเช่นกัน เมื่อปัจจัยภายในช่วงนี้
ค่อนข้างนิ่ง ถึงกระนั้นก็ตามเรายังคงมองดัชนีไปใน
ทางบวก และคาดว่าดัชนีจะยังอยู่ในขาขึ้นต่อไป โดย
ดัชนีจะสามารถขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 1050 จุดอีกครั้ง
เมื่อสัญญาณจาก Indicators ยังคงเป็นบวก โดยเฉพาะ
MACD, Parabolic และ Bollinger Bands ดังนั้นหาก
ดัชนีอ่อนตัวลง จึงเป็นโอกาสสะสมหุ้น
แนะนำ: อ่อนตัวรับ
แนวรับ: 1024 / 1000 จุด
แนวต้าน: 1050 / 1073 จุด

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

09-12-11

แนวโน้ม: ดัชนีมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ตามการเทขายทำกำไรที่สูงขึ้น แต่ดัชนีได้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวขึ้นที่แข็งแกร่งด้วยการเอาชนะแรงขายได้ และเลือกที่จะปรับฐานภายในวันเท่านั้น จนเป็นเหตุให้ดัชนีปรับตัวขึ้นเป็นวันที่แปดติดต่อกัน แม้ตลาดหุ้นในเอเชียจะไม่สดใสก็ตาม วิธีการหนึ่งที่ช่วยทำให้ดัชนีคงอยู่ในขาขึ้นนั้น มาจากการสลับเปลี่ยนหุ้นขึ้นมานำตลาด อย่างเช่นวานนี้หุ้นขนาดกลางถึงเล็กมีความโดดเด่นกว่าหุ้นขนาดใหญ่ และในด้าน Pattern ของดัชนีที่สามารถเดินหน้าทำ High ต่อเนื่องจนมาถึงระดับ 1051.77 จุด จัดว่าเป็นสัญญาณบวกที่ชี้ให้เห็นว่าดัชนีจะไปต่อได้ถึง 1073 จุดที่สอดคล้องกับ RSI ที่ให้สัญญาณ Bullish รวมทั้งสภาพคล่องในตลาดที่มีมากจะช่วยหนุน ขณะที่ทัศนคติของนักลงทุนก็เปลี่ยนไปในทางดีขึ้น อย่างไรก็ตามตลาดอาจเลือกแกว่งตัวแคบๆ เพื่อรอความชัดเจนจากผลประชุม EU Summit ก่อน ซึ่งเราเชื่อว่าดัชนีจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อ นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ต่อเนื่อง แต่ต้องแบ่งขายเพื่อล็อกกำไรเช่นเดิม

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ดัชนี

ดัชนีไต่ตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกัน ซึ่งนำโดยหุ้นกลุ่มแบงก์ และแม้ว่า Volume จะไม่หนาแน่นเช่นเคย แต่ Mood ของตลาดก็ให้รู้สึกของภาวะตลาดกระทิงชัดเจน หลังจากที่ดัชนีเลือกที่จะตอบรับกับข่าวบวกทันที หรือ RSI และ MACD ที่กำลังให้สัญญาณของการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น จนทำให้ดัชนีเวลานี้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถเข้าทดสอบแนวต้านเป้าหมาย 1050 จุดได้ทุกเมื่อ รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะผ่านได้ด้วย เนื่องจากเราเชื่อว่า ตลาดมีสภาพคล่องที่สูงคอยสนับสนุน ขณะที่ Momentum ของตลาดยังบวกต่อเนื่อง และสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ตลาดมักจะมีจุด Peak เมื่อ RSI แตะระดับ 80% และก่อนที่ RSI จะเข้าถึงระดับดังกล่าว ก็มักจะให้สัญญาณ Bullish ต่อตลาด ดัชนีจึงถูกคาดหวังของการปรับตัวขึ้นได้ โดยอาจมาได้ถึงระดับ 1074 จุด และหุ้นที่คาดว่าจะช่วยผลักดันดัชนีนั้น จะเป็นหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่นักลงทุนก็ต้องแบ่งขายเพื่อล็อกกำไร

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เขาว่าอย่างนี้ไม่รู้ว่าเชื่อได้หรือเปล่า

แนวโน้ม: ดัชนีกระชากตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับ 1000 จุดไปได้อย่างสบายๆ ด้วย Volume ที่หนาแน่น ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย ที่ตอบรับกับข่าวธนาคารกลางของชาติชั้นนำตัดสินใจเพิ่มสภาพคล่องให้กับยูโรโซน ซึ่งตลาดคึกคักทันทีที่เปิดการซื้อขาย โดยมีจุดสูงสุดที่ 1024.88 จุด และต่ำสุด 1014.70 จุด ชี้ให้เห็นถึงดัชนีมีศักยภาพที่จะเคลื่อนไหวในระดับ 1000 จุดได้อย่างต่อเนื่อง แต่ดัชนียังจำต้องเผชิญกับความผันผวนต่อไป เพราะปัญหาวิกฤติหนี้ของยุโรปในขณะนี้ยังต้องใช้ระยะเวลาอีกนานในการแก้ไข รวมถึงมาตรการต่างๆ อีกมาก ตลาดจึงต้องการปัจจัยบวก ใหม่ๆ เข้ามาเสริม เพื่อผลักดันดัชนีขึ้นไปต่อ มิเช่นนั้นดัชนีก็อาจต้านแรงขายทำกำไรไม่ไหว อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าฐานสำคัญของดัชนีจะอยู่ที่ 1000 จุด และดัชนีจะไม่ร้อนแรงเท่าวานนี้ โดยการเก็งกำไรดำเนินต่อได้ แต่นักลงทุนควรขายทำกำไรบางส่วนเพื่อปกป้องกำไร แล้วรอรับกลับเมื่อดัชนีอ่อนตัว เพราะดัชนีอาจมีรูปแบบ Evening Star ถ้ามี Black Candlestick ในวันนี้

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เอาแล้วไง

ด้วยช่วงนี้ แรงการเทขายนั้นมากมาย

โปรก ก็ ต่างบอกว่า ช่วงเวลาที่น่าสนใจ คือ ระดับ 800 จุด

แต่ ในทางกลับกัน มันก็เป็นโอกาส ที่ดี ของ ใครหลายคนที่

จะได้เก็บของ ดี และ ถูก ถูกกว่าที่ควรจะเป็น

ดังนั้น ณ เวลา นี้ เป็นช่วง หัวเลี้ยว ซ้าย เลี้ยวขวา เอ้ย หัวเลี้ยว ตัวต่อ ( ฮ่า ๆๆๆ )

แห่งการตัดสินใจ ส่วน หัวผม เลือก ที่จะมองดู รอโอกาสก่อน ว่าเอาไงดีว่ะ

ดูอย่างน้ำท่วมหลาย ๆ จังหวัดสิครับ พยามกันอย่างไรก็เอาไม่อยู่ บางอย่าง

ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ตามกลไกที่อยากจะเป็น ฝืนไปไม่ดี

อย่างไรก็ตาม อวยพรให้ เพื่อนที่หลงเข้ามา เฮง เฮง กันทุกคนเลยคราบบบบบบบบบ

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความชัดเจน

ผมทำงานอยู่ บริษัทมีชื่อแห่งหนึ่ง ในวันนี้ มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งเข้ามา บรรยาย เพื่อให้เลือกตนเข้า

ไปทำงานรับใช้สังคม แต่เรื่องนั้นผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่หรอก สิ่งที่ผมสนใจคือ หลังวันที่ 3 ก.ค. 54 ไปว่า

มันจะเป็นอย่างไร ใคร หน้าไหนที่เข้ามา บริหาร ( หารอย่างเดียวนะ ไม่ คูณ ) ไม่ใช่เพียงแต่ต่างชาติที่

ไม่มั่นในในการเมือง ผมก็เช่นเดียวกันที่ยังคงไม่มั่นใจ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ช่วงนี้ผมได้แค่ หาหุ้นที่มี

ความน่าจะเป็นในการฟื้นตัว ผมไม่ได้ซื้อขายทุกวันหรอกนะ ผมหวังเพียงแค่ หุ้นที่ผมซื้อไว้ จะขยับในช่วงเวลา

6 เดือน เมื่อก่อน ผมซื้อขายทุกวัน มันก็ได้ไม่มากหรอกเล่นแค่สะจัยวัยสะรุ่นอ่ะ แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป

ทำให้ผมรู้และเข้าใจวิถีชีวิตมากขึ้น เคยไหม ขายแล้วหุ้นเสือกขึ้น และ อีกทาง เคยไหม ซื้อแล้วหุ้นตก

เมื่อก่อนผมอ่ะ แม่ง บ่อย สัดสัด จนผมรู้แล้วว่า วิถีที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร เคยไหม ยามเราซื้อ พวกต่างชาติ

พวกสถาบัน และพวกโบรก แม่งเสือกขาย ทีกูขาย มันเสือกชื้อ ดังนั้นแล้ว ผมจึงคิดวิธีว่า ทำอย่างไรเราจึง

จะเสียหายน้อยที่สุด ด้วยสายเลือด เอ็นจิเนีย ผมจึงมองว่า ผมควรดูที่ราคาพื้นฐาน + แนวโน้มการเติบโต +

ความนิยมของนักลงทุน + กราฟพื้นฐาน + และสิ่งที่ยากที่สุดคือ วินัยกับการเอาชนะใจตนเอง ดังนั้น

ผมจึงพยามเขียนบล็อค ขึ้นมา พยายามสร้างกราฟ และรวบรวมกราฟ ให้ท่านที่ต้องการศึกษา และชอบเล่นเกมส์

โดยทุนเดิม ผมชอบเล่นเกมส์อยู่แล้ว และนี่ก็เป็นเกมส์เช่นกัน นั่น คือ เกมส์แห่งการเงิน

โอเคแล้วผมจะมาโม้ให้ท่านฟังอีกทีนะครับ

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

เอาไงดีว่ะ

วันนี้ผมมีโอกาสได้เดินตามท้องถนน รู้ไหมผมเห็นอะไร ผมเห็นคนขายล็อตเตอร์รี่ เต็มถนน เกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ทั้งที่หวยใกล้ออกแล้ว แต่หวย ที่เขาเรียกว่า ฉลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นยังเต็มแผง ดังนั้น เราอาจมองเห็นว่า ชีวิตคนรากหญ้า อย่างผมนั้น กำลังมีปัญหาในการดำเนินชีวิต ค่าแรงค่าจ้างของผมนั้นยังคงเท่าเดิม แต่ข้างของกลับแพงขึ้น ไม่ว่าของกิของใช้ แม้แต่ใฃ่ยังใบละห้าบาท โอ้แม่จ้าวววววววว อืมเอาเข้าไป สมควรแล้วที่ประเทศจีน ก๊อปปี้ไข่ไก่ ( มันเป็นข่าวเมื่อนานมาแล้ว ) เก่งป่ะ ผมว่านะ แม่ง เก่ง สัด สัด เลย อ่ะ
อืมเอาเข้าไปศึกนอกศึกใน ประเทศไทยจงเจริญ ทั้งการเมือง การรบ กับ เขมร เขาเลือกที่จะก่อกวนในช่วงที่จะยุบสภา ทางชายแดนใต้ก็รบไม่ขาด

อืม น่า ยังไงเราก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป แม้ ช่วงนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแต่อาจยังไม่ชัดเจน เพราะมีการซื้อขายไม่กี่วัน ต้องสัปดาห์ที่สองของเดือน นั่นล่ะ คำตอบ แต่ช่วงนี้ ต่างชาติเริ่มขายบ้างแล้ว ต้อง จับตาดู สถาบันไทยของเรา ว่าจะเอาอย่างไร

ส่วนผมก็ใส่ไปเต็มแม็กตั้งนานแล้วล่ะ ตั้งแต่มันร่วงแรง ๆ ต้องขออภัยทุกท่านที่หลงเข้ามา เพราะไม่ค่อยมีเวลาในการปรับปรุงเว็ปบล็อคเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ขอ กำไรจงอยู่กับท่านทุกคน เทอญ

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ให้รู้ว่าเส้นกราฟ ห่วย หรือ พื้นฐาน ของคุณดี

มีเรื่องอยู่ว่า

มีคนสองคน มีความเห็นที่แตกต่างกันว่า

1.หากพื้นฐานดีแล้วไม่ต้องดูกราฟก็ได้ กับ
2.กราฟเป็นตัวกำหนดเวลาในการซื้อ หรือ ขาย

ต่างคนต่างความเห็น และ ต่างก็เป็น เทพที่ผม นับถือ ทั้งคู่ แล้วเป็น ท่าน ท่านจะเชื่อ ใครดี ล่ะ

เชื่อ พื้นฐาน แต่ผิดเวลา

หรือเชื่อ กราฟ แต่ไร้พื้นฐาน

มันน่าคิดต่อ มาก มายนะครับ ซึ่งคนทั้งสองก็ สำเร็จ กันทั้งคู่

แล้วเราควรเลือก ศาสตร์ ใดดี

ต่างคนต่าง ความคิด นะครับ

ผมพยายามพิสูจน์ แล้ว พบว่าดีคนละแบบ เด่นแตกต่างกันไป

แต่ที่ปลอยภัยที่สุดเห็นจะเป็น

เชื่อ แม่ง ทั้ง สองแบบ ทั้งพื้นฐาน และ เทคนิค

ก็แม่ง ประสบการณ์ น้อย ปลอยภัย นั้นดีที่สุด

สุด ท้าย ก็ อวย พร ให้ ท่าน ท่าน และ ท่าน

ที่หลงเข้ามา blogger นี้ จง สำเร็จ ในการลงทุน เทอญ

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ชนใดเขียนกฎหมายเล่า ก็เพื่อ ชน นั้น

จากข้อความ ที่ว่า ชนใดเขียนกฎหมายเล่า  ก็เพื่อ  ชน นั้น

เปรียบได้  หรือไม่ว่า  คนใดเชียร์  หุ้น  ใด  ก็เพราะมีหุ้น ตัวนั้น

เช่น  ชาว  VI  ก็เชียร์  แบบฉบับ  ของตนเองว่าดีอย่างนั้น  ดี  อย่าง  นี้

อยากรู้  ว่า  ช่วงหุ้น  ตกอย่าง เขา  ขาย  ป่ะ

บางคนบอกว่า  เขาไม่ขาย  เขา  มีแต่  ซื้อเพิ่ม 

บ้า  ป่าว  ยิ่ง  ซื้อ  ก็ยิ่ง  ลง  ไปใหญ่ 

เช่น ขายตอน ราคาสูง  แล้ว รอเก็บที่ราคา  ต่ำไม่ดีกว่าเหรอ 

อย่างที่ว่า  แน่  IVL ดูเป็น  ตัว  อย่าง เรื่องนี้น่าตั้งชื่อเรื่องว่า

น้ำตา IVL

เหตุการณ์นี้  จะทำให้  พวก  VI  รู้ว่า  หากมีข่าวว่าเพิ่มทุน 

ให้ทิ้ง  ก่อนแม่งเลย

เพิ่มทุนเสร็จ  ดูว่านิ่ง  แล้ว  ค่อยเข้าไปซื้อ  ดีกว่ามั้ย

แล้วดูยังไง  ว่า นิ่ง  ผมว่า  กราฟ  ช่วย  คุณ  ได้นะ

ไม่  มากก็  น้อย 

โดยส่วนตัว  เรื่อง  VI  นั้น ผมเชื่อ  แค่  ครึ่ง  เดียว นะ

พวก ค่า อะไรบ้า  บอ  นั้น นะ น่ะ เชื่อครึ่งพอแล้ว

และผมเชื่อเรื่องของจังหวะอีกครึ่ง

แล้ว  จังหวะ  จะ  มา  จากไหนได้  บ้าง

ก็กราฟ  ไง  ช่วย  คุณได้  แต่  ต้องเรียนรู้  เพิ่มเติม  บ้าง

บวกกับ  ความนิยม  ของคนเล่น  ว่าเขา  ชอบเล่น  อะไรกัน

ผมไม่ได้ซื้อ  หุ้น  ทุกวัน  หรอก  เพราะผม  ไม่มีตังค์  ซื้อ

ผมซื้อเมื่อ  เชื่อ  ว่า  น่าซื้อ  ขายเมื่อ  เชื่อว่า น่าขาย  ตาม  รอบ

ใครจะว่าผิดหลักได้อย่างไร  เมื่อ  ผมได้ เงิน 

บอกตามตรงว่าผมเชียร์หุ้น

เชียร์แม่ง  ทุกตัว  แต่หาใช่ว่า  จะมี  ทุกตัวไม่  เพราะไม่มีตังค์ซื้อ

ผมเชียร์  ผมก็บอกว่าผมเชียร์  ไม่  อยาก  ตอแหล  ว่า  เป็น  สุภาพชน

ช่วงนี้  เซียน  โดนหัก  ปากกา มากมาย

กลายเป็น  น้ำตาเซียน

เอาเป็นว่า

ชนใดเขียนกฎหมายเล่า  ก็เพื่อ  ชน นั้น  แต่  อยู่ที่เราว่าจะเลือก  ปรับ

มาใช้กับเรายังไง  ให้ดีที่สุด

หรือ  มุม  มอง  ของเขา  เป็น  อย่างไร

นี่ เป็นเพียงมุม  มองของผม  อาจถูกหรือ ผิดก็ได้

แต่ผมก็ย้ำอีกครั้งว่าการซื้อหุ้นต้องดูปัจจัยหลายอย่าง

1.ดูอย่างแนวหุ้นคุณค่า
2.ดูเทคนิคของกราฟ
3.ดูข่าวสารการเงิน การเมือง ข่าวเกี่ยวกับ บริษัท ดีหรือร้าย
4.ความนิยมในหุ้นตัวนั้น
5.ปันผล

ดูอย่างน้อย  3 ใน 5 ผมก็ว่า  เท่แล้ว